หากพูดถึง "ความสุข"
เดนมาร์กมักได้รับการยกย่องให้เป็น "มหาอำนาจแห่งความสุข" อันดับหนึ่งของโลกในการจัดอันดับจาก UN และ OECD จนผู้คนอดสงสัยไม่ได้ว่า อะไรทำให้ดินแดนเล็กๆ ที่ห่มคลุมด้วยความหนาวเหน็บและฝนชื้น เกือบตลอดทั้งปีมีความสุขได้ขนาดนี้
แน่นอนว่า มีเหตุผลหลายข้อด้วยกันที่ส่งผลให้คนบางคน ประเทศบางประเทศมีความสุขมากกว่าเพื่อน ทั้งพันธุกรรม ความสัมพันธ์ สุขภาพ รายได้ งาน เป้าหมายชีวิต และอิสรภาพ ฯลฯ
ทุกวันนี้ ผู้นำการเมืองรอบโลกแสดงความสนใจอยากรู้สาเหตุที่บางสังคมมีความสุขมากกว่าสังคมอื่น ในขณะเดียวกันก็หาวิธีวัดความสำเร็จของสังคม โดยไม่ได้สนใจแค่เศรษฐกิจที่เติบโตขึ้นดังแต่ก่อน แต่ยังดูด้วยว่าชีวิตของคนในสังคมดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน และไม่ได้พิจารณาเฉพาะมาตรฐานการครองชีพแต่ยังรวมถึง "คุณภาพชีวิต" ด้วย
โรเบิร์ต เคนเนดี (น้องชายของเจเอฟเค) เอง ก็เคยตั้งข้อสังเกตถึงการชี้วัดความอยู่ดีมีสุข ผ่านทางตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวม หรือ GDP ไว้เมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้วว่า
"ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศไม่ได้คำนึงถึงสุขภาพของเด็กๆ คุณภาพการศึกษา หรือความสุขในการเล่นของพวกเขา ความแข็งแกร่งของชีวิตสมรส หรือความซื่อสัตย์ของเจ้าหน้าที่รัฐ. สรุปมันวัดทุกอย่างยกเว้นสิ่งที่ทำให้ชีวิตมีคุณค่า"
แล้วอะไรล่ะ ที่ทำให้ดินแดนที่สภาพอากาศยอดแย่ และประชาชนก็มีบุคลิกที่ดูจะไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่อย่างเดนมาร์ก กลับเป็นประเทศที่ถูกจัดอันดับว่ามีความสุขที่สุดในโลก
คำตอบคือ "รัฐสวัสดิการ" เพราะมันช่วยลดความไม่มั่นใจ ความกังวล และความเครียดของประชาชน
ปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นบริการสาธารณสุขแบบไม่มีค่าใช้จ่ายและครอบคลุมรอบด้าน การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ และสวัสดิการสำหรับคนว่างงานที่ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น. สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยลดระดับความทุกข์ได้มหาศาล เรื่องนี้สำคัญเป็นพิเศษสำหรับผู้มีฐานะยากจน คนกลุ่มนี้มีความสุขในเดนมาร์กมากกว่าประเทศร่ำรวยอื่นๆ เสียอีก
เพราะฉะนั้น คุณอาจบอกว่า เดนมาร์กเป็นประเทศที่มีความสุขที่สุดในโลก
หรือเป็นประเทศที่ทุกข์น้อยที่สุดในโลก ก็ดูจะไม่ผิดนัก
และอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนความสุขของคนเดนมาร์ก ก็มาจากสิ่งนามธรรมที่เรียกว่า "ฮุกกะ" ซึ่งก็คือปรัชญาการใช้ชีวิตที่ช่วยให้คนเดนมาร์กสามารถตามหาความรื่นรมย์ได้ในชีวิตประจำวัน และในอีกนัยหนึ่งแนวคิด "ฮุกกะ" ที่ฝังรากลึกอยู่ในทุกอนู ในจิตวิญญาณของชาวเดนมาร์ก ก็เปรียบได้กับแรงสนับสนุนทางสังคม ที่ช่วยขับเคลื่อนความสุขในมุมของปัจเจก และ ส่วนรวม ด้วย
แนวคิด "ฮุกกะ" ที่ถูกนำเสนอผ่านนโยบายรัฐ ช่วยส่งเสริมให้คนเดนมาร์กมีสมดุลระหว่างงานกับชีวิตที่ดี อ้างอิงจากข้อมูล Better Life Index ของ OECD ยังระบุไว้ด้วยว่า ชาวเดนมาร์กมีเวลาว่างมากกว่าสมาชิกประเทศอื่น ซึ่งสิ่งนี้เปิดโอกาสให้คนมีเวลาสำหรับครอบครัว และเพื่อน มากขึ้น จนกลายเป็นความสัมพันธ์ที่แนบแน่น ลึกซึ้ง และมีความไว้เนื้อเชื่อใจกันสูง
ซึ่งจากการศึกษาของนักวิจัยด้านความสุขเอง ก็บ่งชี้ไปในทางเดียวกันว่า หากไม่นับประเทศที่ยากจนที่สุดแล้ว เราจะพบว่า
ความสุขเพิ่มขึ้นตามคุณภาพของความสัมพันธ์มากกว่าความมั่งคั่ง เพราะความสัมพันธ์ที่ดีถูกสร้างขึ้นจาก "เวลา" ไม่ใช่ตัวเงิน
เรื่องนี้ ไมก์ วิกิง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยความสุข กลั่นกรองประสบการณ์หลายปีมารวมไว้ในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งจะพาเราไปรู้จักวิถี "ฮุกกะ" ในหลายแง่มุม ตั้งแต่อาหาร การตกแต่งบ้าน การคบหาสมาคม ไปจนถึงมุมมองความคิดที่ชี้ชวนให้คุณมองหาความสุขในสิ่งละอันพันละน้อยรอบตัว เพื่อสร้างวิถีชีวิตที่ "ฮุกกะ" ในแบบของคุณเอง
____________________________
ผู้เขียน : Meik Wiking (ไมก์ วิกิง)
เรื่อง : ฮุกกะ ปรัชญาความสุขฉบับเดนมาร์ก (The Little Book of Hygge)
หมวดหมู่ : จิตวิทยาความสุข , ฮาวทู
ราคาปก : 395 บาท
_______________________________________________________________
รีวิวหนังสือ / Book Review / เศรษฐศาสตร์ความสุข / หนังสือพัฒนาตนเอง / ฮุกกะ / หนังสือปรัชญา
Comments