#รีวิวหนังสือ "สายสตรีท : มานุษยวิทยาข้างถนนในมะนิลา" โดย บุญเลิศ วิเศษปรีชา
มาร่วมทำความเข้าใจ ความเหลื่อมล้ำ ความล้มเหลวของสวัสดิการแห่งรัฐ จากนโยบายขับเคลื่อนประเทศและเศรษฐกิจ ที่ส่งผลกระทบขจรขจายในหลายภาคส่วน ผ่านบริบทชีวิตของ “คนไร้บ้าน” ในกรุงมะนิลา - ฟิลิปปินส์ บทความที่พัฒนาต่อยอดจากวิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก ที่บอกเล่าประสบการณ์การอยู่ร่วม กินนอน คลุกคลีกับคนไร้บ้านกว่า 1 ปี ของ นักศึกษาสาขามานุษยวิทยา ที่ชื่อ บุญเลิศ วิเศษปรีชา
เมื่อความเหยาะแหยะของภาคบริการสังคม ผสมรวมกับการกดขี่ผ่านระบบอุปถัมภ์ และความล้มเหลวของนโยบายแห่งรัฐ จนก่อเกินเป็นความ “เคยชิน” และ “ยินยอม” เป็นเบี้ยล่างโดย ‘สิ้นสงสัยและสมัครใจยินดี’ ที่หยั่งรากอยู่ในหัวใจของคนไร้บ้าน
บุญเลิศ วิเศษปรีชา ขณะใช้ชีวิตอยู่ข้างถนนร่วมกับคนไร้บ้าน
Photo Courtesy of www.bangkokpost.com จากบทความ No roof overhead
เราจึงไม่แน่ใจนัก เมื่อคนไร้บ้านส่วนใหญ่ (ที่มีปูมหลังมาจากครอบครัวที่แตกสลาย อันเป็นผลมาจากนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ที่เน้นการสนับสนุนส่งออกแรงงานระดับล่างออกนอกประเทศ ส่งผลให้เกิดการพรากพ่อ พรากแม่ พรากลูกออกจากกัน และผลกระทบจากภาวะแรงงานล้นตลาด คนตกงานเต็มบ้านเต็มเมือง) ให้เหตุผลของการออกมาสัญจรเร่ร่อนตามท้องถนนใจกลางเมืองมะนิลา เพียงเพราะว่าพวกเขา "สบายใจกว่าเมื่ออยู่ข้างนอก" ดีกว่า "อยู่บ้านอย่างไร้สุข" เพราะตนไร้ความสามารถเอง เคยมีประวัติที่ผิดพลาดเอง และไม่อยากเป็นภาระญาติพี่น้อง
จึงเกิดคำถามว่า…มีความสุขรออยู่ที่ข้างถนนนั่นจริงหรือ
หรือเป็นเพียงแค่การค้นหาไขว่คว้าความสุขอย่างเลื่อนลอย เป็นความหวังเดียว ของคนสิ้นไร้ไม้ตอกที่จะฝันถึงได้
ออกมา…เพื่อในที่สุด ความปากกัดตีนถีบก็กลายเป็นความเคยชิน และการเปิดรับ "ความสุขเล็กๆ น้อยๆ" ก็เป็นเรื่องง่ายขึ้น อย่างการ ได้นอนในมุมถนนที่ดีที่สุด / กลางคืนฝนไม่ตก / การไปทันเวลาแจกอาหารตาม feeding program สิ่งเหล่านี้เองที่กลายเป็นรางวัลหล่อเลี้ยงชีวิตให้ผ่านพ้นไปอีกวัน
หากสอบถามกับกลุ่มคนไร้บ้านที่มะนิลาถึงความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขากับ ‘ความสุข’ ก็อาจสรุปได้ประมาณนี้…
พวกเขาดูมีความสุขดี...ตามอัตภาพ ? พวกเขา "พยายามมีความสุข" ตามอัตภาพ ?
แต่หากมองให้ "กว้าง" และล้วงให้ "ลึก" ลงไป มองในมุมอื่น ที่ไม่ใช่มุมมองของคนที่อยู่ใจกลางของเรื่องเล่า เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า พวกเขาถูกคอรัปชั่นความสุข โดยภาคบริการสังคมปาหี่ และนโยบายของรัฐที่ฉกชิงความสุขที่คนชั้นล่างพึงมีอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ผ่านการสร้างกลไกระบบอุปถัมภ์เพื่อกดตรึงพวกเขาไว้ให้ไม่มีวันโงหัวขึ้นมาหายใจได้
Photo Courtesy of www.theguardian.com
จากบทความ We just need food : Manilas newly homeless tell stories of survival in lockdown
ที่น่าสนใจถกเถียงไปมากกว่านั้น คือ หรือแท้จริงแล้ว แม้แต่การตัดสินใจย้ายชีวิตออกมาอยู่ข้างถนน ของเหล่าคนไร้บ้าน ก็ดูเหมือนจะไม่เอื้อต่อการบรรลุ ถึงความ "สบายใจ" "หรือค้นพบความหมายใดๆ ของชีวิต" ทั้งสิ้น นอกจากการถูกล้างสมอง ให้ยอมสิโรราบต่อโชคชะตา จะกลับบ้านก็ไม่ได้ จะอยู่ต่อไปก็ไม่เห็นอนาคต
หากจะกล่าวถึงนิยามของคำว่า "คนไร้บ้าน" ในบริบทกลางๆ ของในหลายพื้นที่ที่เคยศึกษาค้นพบ มักถูกนิยามในแง่ของความก้ำกึ่งกัน ระหว่าง homeless และ houseless
พูดกว้างๆ ก็คือคนที่ เลือกที่จะทิ้งร้าง ‘ครอบครัว’ หรือ ‘บ้านของตน’ เพื่อสมัครใจแสวงหาชีวิตใหม่ โดยไร้แหล่งอาศัยหลับนอนที่เป็นเจ้าของแน่นอน จึงอาศัยนอนตามที่สาธารณะ บางคนยังชีพด้วยการทำงานเล็กๆ น้อยๆ พอซื้อข้าวไปวันๆ แต่บางคนก็มีอาชีพที่ชัดเจนแน่นอน แต่พอใจกับการนอนข้างถนน ผ่านการสร้างนิยามใหม่ของคำว่า ‘บ้าน และ ครอบครัว’ ให้กับตนเอง
แต่สิ่งที่บุญเลิศได้ค้นพบที่มะนิลา กลับสามารถสร้างประเด็นให้เกิดความสงสัย หรือเกิดการตั้งคำถามกับนิยามของคำว่า ‘คนไร้บ้าน’ กันใหม่อีกครั้ง โดยเฉพาะในแง่มุมของ ‘การสะท้อนความล้มเหลวอย่างเรื้อรังและฝังรากลึกทั้งระบบ’ ไม่ใช่เฉพาะจากนโยบายของภาครัฐ แต่เป็น ‘ทุกภาคส่วน’ เพราะคนไร้บ้านของที่แห่งนี้ นอกจากที่พวกเขาถูกสาปให้ไร้ความหวัง ยังดูเหมือนถูกกัดกร่อนกัดกินด้วยกลุ่มคนระดับบนที่หวังหาผลประโยชน์จากคนไร้บ้าน ไม่ว่าจะเป็นพวกกลุ่มคนทำงานเพื่อสังคม ที่ไม่เคยลงลึกหรือใส่ใจปัญหาอย่างจริงจัง กลุ่มศาสนา กลุ่มองค์กรเอกชน หรือแม้กระทั่งนักการเมืองท้องถิ่นเอง ที่พยามยามยื่นมือมาช่วยเพื่อสร้างพันธะบุญคุณก่อเกิดเป็นระบบอุปถัมภ์ ฯลฯ
การที่คนจนถูกระบบระบอบที่บิดเบี้ยวนี้ ควบคุมมาอย่างต่อเนื่องยาวนานจนกลายเป็นความเคยชิน และยินยอมอย่างเต็มใจนี้ แสดงออกให้เห็นผ่านทัศนคติของคนไร้บ้านหลายต่อหลายคน พวกเขามักจะพยายามพูดถึงในแง่ดีเสมอ เมื่อถูกคนหนุ่มซักไซ้ไล่เรียงถึงเป้าหมายของชีวิตข้างถนนของพวกเขา
แต่สิ่งที่เราเห็นได้ชัดเจนตลอดทั้งเล่มคือ การกระทำที่สวนทาง พวกเขาต่างค่อยๆ ถูกกลืนกินความหวัง และความฝันไปเล็กๆ น้อยๆ ด้วยสิ่งที่รัฐกระทำและหยิบยื่นให้ ซึ่งมันเลวร้ายเกินกว่าจะใช้คำว่า ‘จำกัดจำเขี่ย’ ด้วยซ้ำ
ทั้ง ระบบสวัสดิการ และระบบสาธารณสุขที่พังทลาย ความไม่จริงจัง จริงใจในการควบคุมราคาค่าจ้างที่สมเหตุสมผล จนก่อให้เกิดการจ้างงานราคาต่ำเตี้ยเรี่ยดิน จนแม้แต่คนไร้บ้านก็รับไม่ไหว และระบบที่เชิดชูต่างชาติว่าเป็นผู้นำเม็ดเงินเข้าประเทศ จนผลิตซ้ำนโยบายที่เอื้อให้ต่างชาติเข้ามาหาผลประโยชน์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เมื่อไม่เคยตั้งคำถามว่ากำลังมีใครที่ถูกดึงทึ้งหรือเสียเปรียบอยู่หรือไม่ ผลกระทบจึงไปตกกลับกลุ่มคนที่อยู่ชั้นล่างสุดของสังคม
พวกเขาทำให้เราเข้าใจคำว่า "มีชีวิตอยู่ไปวันๆ" ได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
พวกเขาไม่ได้ขี้เกียจ แต่ไม่อยากไปทำงาน หรือทำงานได้ประเดี๋ยวประด๋าวก็ลาออก เพราะค่าแรงถูกแสนถูก
สำหรับคนไร้บ้าน หากเจ็บป่วย ก็เท่ากับ ‘ตาย’ เพราะภาคสาธารณาสุขไม่เคยมีงบเพื่อช่วยเหลือใครอะไรทั้งสิ้น พวกเขาไม่ลังเลที่จะปล่อยให้คุณ "ตาย" หากคุณไม่มีสังกัดอุปถัมภ์ หรือการันตีเงินค่าหมอ หากคุณได้รับอุบัติเหตุ สิ่งที่ต้องจำไว้เลย คือ คุณต้องไปหาหมอ พร้อมกับ แอบกอฮอล และ ผ้าพันแผล ที่คุณซื้อมาเอง พยาบาลถึงจะพร้อมบริการคุณ! ฯลฯ
แม้แต่ความฝันง่ายๆ อย่างการกินอยู่ข้างถนนอย่างคนไร้บ้าน ล่องๆ ลอยๆ ก็ยังเป็นเรื่องที่ยากเย็นเหลือเกินในประเทศนี้ที่มี "ระบบสวัสดิการแห่งรัฐอันทุเรสทุรัง" (บุญเลิศ : ผู้เขียน , แม้จะพยายามกลมกลืนขนาดไหน เขาก็ยิ่งพบว่า ตนไม่มีวันกลมกลืน โดยเฉพาะในแง่ของทัศนคติ ความคิด ที่เขาเรียกว่า ‘ความเป็นฟิลิปปินส์’ ที่คนไร้บ้านในมะนิลาที่เขาคลุกคลีอยู่ แสดงออกอย่างชัดเจนว่ามันฝังรากลึก และแตกต่างจากคนไร้บ้านในประเทศอื่นๆ ที่มักมีจุดร่วมทางความคิดที่คล้ายคลึงกันอยู่มาก)
หากจะให้สรุปสาระสำคัญในหนังสือเล่มนี้สั้นๆ ก็คงต้องบอกว่า
นี่คือเรื่องเล่าของหลากชีวิตข้างถนนในกรุงมะนิลา...
ความสุขที่เลือกเองของคนยากไร้
หรือแค่ “การค้นหาความสุข” ที่ไม่เคยมีปลายทาง
และนี่คือ เสี้ยวหนึ่งของความคิด และประสบการณ์ ที่เป็นส่วนต่อขยายจากวิทยานิพนธ์ในหัวข้อ Structural Violence and Homelessness : Searching for Happiness on the street ของคุณ บุญเลิศ วิเศษปรีชา ที่ตอนนี้น่าจะมีคำนำหน้าว่าด๊อกเตอร์ไปเรียบร้อยแล้ว ซึ่งคุณบุญเลิศ ในฐานะผู้เขียนเอง ตั้งใจถ่ายทอด เพื่อส่งสารถึงคนธรรมดาอย่างเราๆ และนักมานุษยวิทยาทั้งหลาย เพื่อกลับไปขบคิด ต่อยอด และจริงจังกับการตั้งคำถามและขับเคลื่อนสังคมในองค์รวมอย่างเป็นรูปธรรมมากกว่านี้
และที่สำคัญ เขาเขียนมันเพื่อส่งสารถึงตัวเอง...เผื่อว่าวันใดจะลืม ว่าเพราะอะไรเขาถึงเลือกที่จะเรียนในสาขานี้ เพื่อขับเคลื่อนสังคม..หรือเพื่อให้มีคำนำหน้าว่าด๊อกเตอร์ให้พ่อแม่ภูมิใจ. โดยที่ยังคงทิ้งเหล่าคนข้างถนนไว้อยู่เบื้องหลัง...เหมือนเดิม
ลองหามาอ่านดูนะคะ.
ได้เห็นแง่มุม ชีวิต ของคนไร้บ้าน ที่น่าสนใจ และ "สะเทือนอารมณ์" จนอาจถึงขั้นโกรธแค้นแทนพวกเขาอย่างที่ บุญเลิศเผลอรู้สึกอยู่บ่อยๆ
โกรธ โกรธเคืองผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ที่กดขี่พวกเขามาอย่างยาวนาน
และโกรธยิ่งกว่า เมื่อเหล่าคนไร้บ้าน (และคนฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่) ที่บุญเลิศเคยได้พูดคุยคลุกคลีด้วย มักแสดงออกด้วยความยินดี และ "สำนึกในบุญคุณ" ของเศษอาหาร และทานเล็กๆ น้อยๆ ที่คนใหญ่คนโต คนมั่งมี ในประเทศหยิบยื่นให้
ยินดีอย่างใสซื่อ ด้วยจิตใต้สำนึกที่บอกพวกเขาเสมอว่า "ได้เท่านี้ก็ดีมากแล้ว"
ชื่อหนังสือ : สายสตรีท | มานุษยวิทยาข้างถนนในมะนิลา
ผู้เขียน : บุญเลิศ วิเศษปรีชา
สำนักพิมพ์ : Way of book
ราคาปก : 250.- บาท
ติดตามรีวิวหนังสือเล่มอื่นๆ ได้ที่ https://www.facebook.com/happiestkids.th/
หรือเวปไซต์ https://happiestkids.wixsite.com/ourhome/
______________________________________________________________
รีวิวหนังสือ / Book Review / ปัญหาสังคม / ปรัชญาความสุข / ประเด็นสังคม / มานุษยวิทยา / บันทึกประสบการณ์ / Way Magazine
Comentários