เมื่อสะพานลอย ไม่ควรเป็นคำตอบสุดท้ายในการลดอุบัติเหตุบนท้องถนน
จากเคสการสูญเสีย "หมอกระต่าย" กับวินัยจราจรที่หละหลวมของทั้งคน ทั้งระบบ
สู่การถอดบทเรียนครั้งใหญ่ในประเทศที่ทางม้าลายเปรียบเหมือนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของคนเดินเท้า เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงสวัสดิภาพผู้ใช้ทางสาธารณะในระยะยาวในประเทศไทย
Image : Japan Zebra Crossing (Piece of the World series) Art Print
Photo Courtesy of churates
https://society6.com/.../japan-zebra-crossing-piece-of...
คนญี่ปุ่นมีระเบียบวินัย เพราะมีจิตสำนึกที่ดี..จริงหรือ?
อันที่จริงแล้ว หากเราลองสังเกตสิ่งรอบตัวในบ้านเมืองญี่ปุ่น เราจะพบกลไกหนึ่งที่ทำงานอยู่ มันคือการออกแบบเชิงกายภาพที่อยู่รอบตัวในชีวิตประจำวันนั่นเอง เพราะคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่อาจแยกขาดจาก “เมืองที่ดี” การออกแบบเมืองที่ดีจึงเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญของชีวิตที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย
การออกแบบมีผลกับเราแค่ไหน?
พฤติกรรมของคนญี่ปุ่นที่เราเห็นเบื้องหน้าไม่ได้มาจากจิตสำนึกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แน่นอนว่า ต้องมีใครหลายๆ คนที่อยากจะทำตามอำเภอใจบ้าง แต่เพราะการออกแบบเพื่อการอยู่ร่วมกัน และกฏระเบียบที่บังคับใช้ มันถูกวางไว้อย่างรัดกุมจนทำให้การแหกกฏไม่ใช่เรื่องง่ายในสังคมญี่ปุ่น
การออกแบบเพื่อสร้างกฏระเบียบเหล่านี้ยังสอดคล้องกับ “กฏแห่งความยุ่งเหยิง” ที่ว่า เมื่อเราปล่อยให้ระบบหรือสิ่งต่างๆ อยู่ของมันไปโดยไม่ควบคุมสุดท้ายแล้วมันจะดำเนินไปในเส้นทางที่ไร้ระเบียบยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป หากจะคงความเป็นระเบียบไว้ เราต้องวางเงื่อนไข หรือทำอะไรสักอย่างเพื่อควบคุมคนในสังคมให้อยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
แต่ทั้งนี้ต้องอย่าลืมว่า การออกแบบเงื่อนไขหรือกฏเกณฑ์ที่ดี ต้องไม่หวังพึ่งจิตสำนักหรือวินัยส่วนตัวของผู้คนเพียงอย่างเดียว เพราะเมื่อมนุษย์ต้องมาอยู่ร่วมกันเป็นหมู่มากแน่นอนว่า เราไม่อาจบังคับให้ทุกคนมีความรู้สึกนึกคิดที่เหมือนกันได้ และการออกแบบเพื่อการอยู่ร่วมกันระหว่างผู้ใช้รถและคนเดินถนนก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่สะท้อนแนวคิดการออกแบบของผู้มีอำนาจในญี่ปุ่นที่ดี และเห็นผลได้จริง
‘ทางม้าลาย แดนศักดิ์สิทธ์ของคนเดินเท้า’
ทุกคนที่เคยได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนญี่ปุ่นมาก็น่าจะรู้สึกไม่ต่างกันว่า ทางม้าลายที่ญี่ปุ่นนั้นข้ามง่ายและปลอดภัยจริงๆ เป็นเหมือนแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกครั้งที่ก้าวลงไป รถก็จะหยุดให้ทางเสมอ น่าคิดว่าเขาทำได้อย่างไร
แน่นอนว่าความง่ายในการข้ามถนนในญี่ปุ่นนั้นไม่ได้มาจากการพึ่งพาจิตสำนึกของผู้ขับขี่เพียงอย่างเดียว แต่ยังประกอบขึ้นจากสภาพทางม้าลายที่ถูกออกแบบมาอย่างดีเพื่อซัพพอร์ทคนเดินเท้า ตลอดจนบทลงโทษที่ผู้ขับขี่รถจะได้รับหากทำผิดกฎ ละเมิดสิทธิ์คนเดินถนน
อย่างแรกเลย คือทางม้าลายที่ญี่ปุ่นมันช่างกว้างใหญ่เมื่อเทียบกับหลายๆ ประเทศ และจะแปรผันให้เหมาะกับการใช้งานในแต่ละพื้นที่ ถ้าบริเวณไหนที่มีผู้สัญจรเยอะทางม้าลายก็จะกว้างตามไปด้วย
นอกจากนี้ ‘สี’ ของทางม้าลายก็สดและคมชัด เพราะเขาใช้สารที่มีคุณสมบัติสะท้อนแสงได้ดีมาทา ทำให้เวลากลางวันแดดกระทบก็เห็นชัด เวลากลางคืนกระทบไฟหน้ารถก็เห็นชัดเช่นกัน เพราะสีคือด่านแรกที่ช่วยให้คนขับมองเห็นง่ายและรู้ตัวว่าต้องเตรียมหยุด
นอกจากสัญญาณไฟคนข้ามและตัวเลขนับถอยหลังบอกเวลาให้คนเดินรู้ว่าควรข้ามดีไหม ก็ยังมี “เสียง” ดังออกมาด้วยเพื่อใช้บอกผู้พิการทางสายตาให้รับรู้สัญญาณการข้ามถนนไปด้วยพร้อมๆ กัน เราอาจได้เห็นทางม้าลายดีไซน์หลากหลาย ทั้งแบบห้าแยก แบบทแยงมุม ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นไปเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมการเดินของคนในถิ่นนั้น ๆ
และที่สำคัญทางเชื่อมระหว่างทางเท้ากับทางม้าลายจะถูกออกแบบให้เป็นทางลาด ที่มีความชันประมาณ 5-9% เท่านั้น ทำให้ทุกคนสามารถเดินหรือเข็นวีลแชร์ หรือแม้แต่ลากกระเป๋าใบใหญ่ได้ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะสะดุดแต่อย่างใด ซึ่งทางลาดนี้ เป็นหนึ่งในแนวคิดการออกแบบ “การเข้าถึงได้ทุกคน (Accessibilities)” ที่ทุกคนสามารถใช้ทางเท้าได้อย่างปลอดภัย ไร้รอยต่อ เพราะเขามองว่า หากจุดใจจุดหนึ่งถูกตัดขาดจากกัน ก็จะถือว่าการออกแบบนั้นล้มเหลว
ส่วนพฤติกรรมคนขับก็สำคัญ ที่เอื้อความปลอดภัยให้กับผู้ใช้ทางม้าลาย ซึ่งโดยทั่วไป สำหรับถนนในตัวเมืองใหญ่ของญี่ปุ่น จะกำหนดขีดจำกัดความเร็วไว้ที่ 50 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในขณะที่ในซอยเล็กๆ จะกำหนดให้ขับได้ไม่เกิน 30 กิโลเมตร/ชั่วโมง เท่านั้น คนขับจึงสามารถมองเห็นผู้ใช้ทางม้าลายและเตรียมตัวหยุดรถได้ทัน
ส่วนสัญญาณไฟสำหรับผู้ขับขี่ ก็จะไม่มีการนับเวลาถอยหลัง เพื่อป้องกันการขับขี่ฝ่าสัญญาณไฟในช่วงวินาทีสุดท้าย การเกิดอุบัติเหตุจากการฝ่าสัญญาญไฟโดยไม่ได้ตั้งใจ จึงเกิดขึ้นน้อยมากในญี่ปุ่น จะเห็นว่าการออกแบบเป็นไปอย่างสอดคล้องกันหมด ในแง่บทลงโทษล่ะ?
อย่างที่เกริ่นไปแล้วว่า งานออกแบบเพื่อสังคมที่ดี ต้องไม่พึ่งพาจิตสำนึกหรือวินัยของคน จนมากเกินไป หากแต่หมายถึงการวางกฏระเบียบที่ถูกบังคับใช้อย่างเคร่งครัดรัดกุม โดยเฉพาะในเรื่องการให้ทางคนข้ามถนนนี้ ถือว่า กฏหมายญี่ปุ่นให้ความคุ้มครองคนเดินเท้าอย่างจริงจังมากๆ โดยมีทั้งการหักคะแนนผู้ขับขี่ และโดนปรับ และถ้าโทษสะสมเยอะๆ นั่นหมายถึงการถูกยึดใบขับขี่. นี่ยังไม่รวมถึงการประมาทหรือละเมิดกฎหมายจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุแก่คนเดินทางเท้า แม้อุบัติเหตุนั้นไม่ถึงชีวิตก็ตาม แต่ผู้ขับขี่เองจะได้รับโทษหนักจนชีวิตเปลี่ยน หรือหมดอนาคตแบบชั่วข้ามคืนเลยทีเดียว
สะพานลอยจำเป็นไหม ?
ต้องบอกก่อนว่า ในกระเทศที่เจริญแล้ว จะเป็นที่เข้าใจกันดีว่า สะพานลอยนั้นไม่ได้ถูกสร้างมาเพื่อเอื้อประโยชน์ให้แก่คนเดินถนน แต่ถูกสร้างมาเพื่อคนขับรถต่างหาก เพราะมันคือการอำนวยความสะดวกให้รถยนต์ไม่ต้องหยุด แต่ผลักภาระให้คนเดินต้องแบกร่างไต่บันไดขึ้นไป เพื่อไม่ให้การจราจรบนท้องถนนต้องหยุดชะงัก
และที่แย่ไปกว่านั้นคือ สะพานลอย ถูกสร้างมากจากแนวคิดที่ตรงข้ามกับการให้ประโยชน์ทุกคนอย่างเท่าเทียมกันโดยสิ้นเชิง เพราะคนพิการ คนชรา และสตรีมีครรภ์ เด็กเล็ก หรือแม้แต่คนปกติดีที่มีสัมภาระหนัก จะเป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด จากการสร้าง “สะพานลอย” และเพราะเหตุนี้ ในสังคมที่ให้คุณค่ากับพลเมืองผู้ใช้ถนนและทางสัญจรทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน จึงไม่ค่อยมีสะพานลอยให้เห็นยังไงล่ะ
เข้าใจเสียใหม่ว่า การข้ามทางม้าลาย ไม่ใช่ความประมาท ความมักง่าย หรือความขี้เกียจ อย่างที่บางประเทศใช้กล่าวโทษคนเดินถนนนะจ๊ะ แต่เป็นสิทธิที่คนเดินถนนทุกคนพึงกระทำได้ และควรทำได้อย่างปลอดภัยด้วย
และที่น่าคิดอีกอย่างคือ การสร้างทางม้าลาย เป็นเรื่องที่ง่ายที่สุด ที่รัฐจะสามารถอำนวยความสะดวกเพื่อประชาชนได้ เพราะต้นทุนการสร้างสะพานลอย กับต้นทุนการสร้างทางม้าลายนั้นต่างกันลิบลับ ไม่ต้องแจกแจงราคาก็น่าจะรู้ด้วยตาเปล่า ว่าการสร้างทางม้าลาย นั้นประหยัดเวลา ประหยัดงบประมาณ และง่ายดายขนาดไหน
จากทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงสรุปได้ว่า
1.ออกแบบทางม้าลายที่ดี
2.วินัยของคนขับ และ
3.การบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัดรัดกุม
3 สิ่งนี้ต้องทำงานควบคู่กันไปจึงจะลดปริมาณอุบัติเหตุและความสูญเสียบนท้องถนนได้อย่างเป็นรูปธรรม เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะ “บังคับพฤติกรรมคน” จงทำดี จงทำดี จงทำดี ผ่านการกล่อมศีลธรรมเพื่อเค้นเอาจิตสำนึกด้านดีของเค้าเหล่านั้นออกมาเพื่ออยู่ร่วมกันในสังคม แต่เราสามารถ “ออกแบบเงื่อนไข” และ “สร้างกลไก” เพื่อโน้มน้าวให้คนทำในสิ่งที่ถูกต้องได้
เช่น ถ้าคุณไม่หยุดรถก่อนถึงทางม้าลายคุณโดดจับตัดคะแนนนะ มีผลย้อนหลังนะ และถูกยึดใบขับขี่ได้นะ และถ้าคุณขับรถชนคนบนทางม้าลาย แม้ไม่ได้รับบาดเจ็บ คุณก็จะได้รับโทษร้ายแรงนะ กลัวมั้ย ถ้ากลัว อย่าทำ! เพราะรัฐเอาจริง เป็นต้น
จะเห็นว่า เมื่อกฏหมายบังคับใช้อย่างเคร่งครัด จริงจัง และคาดโทษไว้สูง ผู้ใช้รถก็จะมีความระวังระวังอย่างมาก พึงระลึกไว้เสมอว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีจิตสำนึกห่วงใยสวัสดิภาพคนเดินเท้าหรอก
แต่แน่นอนว่าเกือบทุกคนล้วนห่วงใยสวัสดิภาพในชีวิตของตนเอง โดยเฉพาะเมื่อเกิดอะไรขึ้นมาแล้ว มีแต่เสียกับเสีย เพราะค่าเสียโอกาสที่ผู้ใช้รถต้องจ่ายนั้นมันรุนแรงมากเหลือเกินในกฏหมายญี่ปุ่น”
เรียนรู้วิธีคิดการสร้างวินัยบนท้องถนน ฉบับที่ไม่ต้องพึ่งจิตสำนึกพลเมือง เพราะคนญี่ปุ่นมองว่า "เมืองจะดีได้ ควรมาจากการออกแบบโครงสร้างพื้นฐานที่ใส่ใจทุกคนอย่างเท่าเทียม และการบังคับใช้ระเบียบทางกฏหมายที่เคร่งครัด"
___________________________ *สรุปความส่วนหนึ่งจากหนังสือ
"ใส่ใจไว้ในเมือง LIVABLE JAPAN"
โดย โบ๊ท Japan Perspective
Comments